5 วิธีจัดเก็บเอกสารที่สำคัญ

5 วิธีจัดเก็บเอกสารที่สำคัญ

ในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีในบริษัทไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เอกสารต่าง ๆ จะต้องทำให้ครบเก็บให้ดีเสมอ ต่อให้เป็นยอดซื้อขายทำรายการเพียงไม่กี่บาทก็ต้องเก็บเอกสารอยู่ดี นี่คือการเป็นองค์กรเพราะมันจะเกี่ยวข้องในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งงบการเงิน บัญชี ภาษี และเอกสารยังใช้เป็นหลักฐานได้อีกด้วย การ“จัดเก็บเอกสาร”จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญเสมอ จัดเก็บดีก็หาได้ง่าย เรียกใช้ได้คล่องและไม่สูญหายอีกด้วย เวลาเรียกหาต้องใช้เอกสารสำคัญตัวไหนก็หาง่ายไม่เปลืองเวลาเลย ใช้ได้ทันท่วงที วันนี้เรามาแนะนำ 5 วิธีจัดเก็บเอกสาร เผื่อหลายคนกำลังอยากได้เป็นไอเดียไปใช้กับธุรกิจของตนเองมีอะไรบ้างมาติดตามกันได้เลย

สารบัญ
    Add a header to begin generating the table of contents

    5 วิธีจัดเก็บเอกสารสำคัญให้หาเจอง่าย เรียกใช้สะดวก เป็นระเบียบ

    สำหรับวิธีในการจัดเก็บเอกสารที่สำคัญนั้นมีเยอะมาก ๆ อยู่ที่แต่ละองค์กรจะเลือกว่าจะเก็บแบบไหนดี แต่ว่าไม่ควรจะเก็บรวมกันทุกอย่างมันมั่วไปหมดและถ้าเป็นแบบนั้นทำให้เสียภาพลักษณ์องค์กรได้เลย เพราะว่าทำให้ดูไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเวลา เรามีมาแนะนำ 5 วิธีมีอะไรบ้างดังนี้

    1. จัดเก็บแยกเป็นหมวดหมู่ของเอกสาร เป็นอย่างแรกที่ควรทำเลยแยกออกมาเป็นหมวดหมู่ใหญ่ ๆ ก่อนก็ได้ เพราะอย่างน้อยเวลาจะหาก็ต้องรู้ว่าอยู่ในหมวดหมู่ไหน อาจจะดูจากหัวข้อของเอกสาร หรือแยกตามการใช้งานก็ได้ สะดวกแบบไหนก็ให้จำแนกออกมาได้เลย เป็นอีกหนึ่งวิธีจัดเก็บเอกสารอย่างมีประสิทธิภาพ หลายบริษัทก็จัดเก็บเอกสารสำคัญแบบนี้ เวลาจะใช้แค่รู้ว่าเอกสารที่ต้องการนั้นอยู่ในหมวดอะไรเท่านั้นเอง แค่นี้ก็หาเจอได้ง่าย ๆ แล้ว
    2. จัดเก็บเอกสารโดยการเรียงสำดับจากความเก่าใหม่ เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจเลย โดยการแยกเก็บจากลำดับเก่าใหม่นี้ก็จะใช้วิธีแยกเป็นปี เดือน วัน แบบนี้เลย ยิ่งละเอียดขึ้นไปอีก เวลาจะหาก็จะง่ายขึ้น ก็คล้ายกับการจำแนกแบบหมวดหมู่ในข้อแรกแต่ละค่อนข้างละเอียดมากกว่าเดิม เชื่อว่าหลายองค์กรก็ใช้วิธีนี้กัน การเก็บเป็นปี ๆ แล้วค่อยย่อยอีกทีว่าในปีนั้น ๆ จะมีเอกสารอะไรบ้าง เอาตริง ๆ มันก็สามารถทำย่อยลงไปได้เรื่อย ๆ เลย แต่ถ้าหากเป็นแบบแฟ้มเอกสารอาจจะซับซ้อนหน่อย แต่ถ้าเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์อยากจะย่อยรายละเอียดเอกสารแต่ละประเภทแค่ไหนก็ทำได้สบาย ๆ เลย
    3. เก็บเอกสารไปตามปีและประเภท ระบุเลยว่าปีนี้เก็บตรงนี้ ปีนั้นเก็บตรงนั้น และย่อยลงไปในแต่ละปีก็จะมีการแยกประเภทลงไปอีก เป็นการจัดเก็บเอกสารที่ละเอียดเหมือนกัน แต่ว่าให้พิจารณาไปในแต่ละอย่างเลย ถ้าเอกสารไหนใช้บ่อย หาบ่อยก็เอาไว้เป็นประเภทหาง่าย ๆ เอกสารไหนที่สำคัญน้อยหน่อยไม่ค่อยได้ใช้ หรือแค่เพียงเก็บไว้เผื่อได้ใช้เป็นหลักฐานในบางครั้งก็เก็บลืมเป็นแต่ละปีเลยก็ได้เช่นกัน อยู่ที่ความสะดวกของแต่ละบริษัทเลย
    4. จัดเก็บเอกสารโดยเอาเทคโนโลยี OCR เข้ามาช่วย แบบนี้จะเป็นการเก็บแบบไฟล์ดิจิตัล คือจะมีเอกสารที่เป็นฉบับจริงด้วยและมีแบบดิจิตัลด้วย OCR จะเป็นการสะแกนเอกสารออกมาให้เป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันนิยมใช้กันหลายหน่วยงานหลายบริษัทเลย สะดวกเวลาค้นหาและการส่งต่อ เวลาจะหาเพียงแค่ค้นตามชื่อเอกสารลงไปก็จะเจอเลยไม่ต้องเสียเวลาในการค้นแบบการเก็บปกติและยังมีความปลอดภัยอีกด้วย สามารถสำรองไฟล์เก็บไว้ได้หลากหลายที่อีกด้วย
    5. นำเอาระบบ Knowledge Management มาใช้ในการจัดเก็บเอกสารและค้นหา องค์กรไหนที่ใช้ระบบนี้จะสะดวกสุด ๆ เลย ทั้งการเก็บ การค้นหาไม่ต้องเวลาเลย เป็นหนึ่งในวิธีการเก็บเอกสารแบบดิจิตตัลที่มีประสิทธิภาพสูง ระบบทำงานรวดเร็ว ปลอดภัย ใช้งานง่าย ทุกวันนี้แทบจะทุกที่ก็หันมาใช้วิธีจัดเก็บเอกสารอิเล็กทรอนิกส์กันหมดแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าการเก็บเป็นแผ่นกระดาษมันผิด เพียงแต่ความสะดวกสบายในการทำและการใช้มันต่างกัน แบบเดิม ๆ บางทีกว่าจะหากินเวลาไม่น้อยเลย

    ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิธีจัดเก็บเอกสารสำคัญในองค์กรเท่านั้นเอง แต่จริง ๆ ยังมีอีกเยอะเลย แต่เราจะเน้นไปที่ตัวน่าสนใจและสิ่งที่จะแนะนำให้หลายบริษัทเลือกทำคือการเก็บแบบอิเล็กทรอนิกส์เพราะว่าทั้งง่าย ทั้งสะดวกเวลาจะใช้งานด้วย ไม่ต้องกลัวฉีกขาดเสียหาย แถมยังสำรองไฟล์ได้อีกไม่อั้นแบบไม่ต้องกลัวเปลืองหมึกอีกด้วย

    การแยกประเภทก่อนจัดเก็บเอกสาร

    แม้ว่าในองค์กรจะมีเอกสารต่าง ๆ เยอะมาก แต่ไม่ใช่ทุกเอกสารจะสำคัญ ไม่ใช่ทุกเอกสารที่จะต้องเก็บ บางอย่างมันก็ทิ้งไปเลยได้เหมือนกัน สำหรับหัวข้อนี้พูดถึงการแยกประเภทเอกสารก่อนที่จะทำการจัดเก็บเอกสารสำคัญตามวิธีต่าง ๆ โดยจะมีการแยกง่าย ๆ 2 ประเภทดังนี้

    1. เอกสารที่จะต้องจัดเก็บ ซึ่งส่วนมากจะเป็นเอกสารสำคัญต่าง ๆ ที่ล้วนมีผลทางกฎหมาย เป็นหลักฐาน ยกตัวอย่าง ใบโฉนด เอกสารสัญญาต่าง ๆ ใบกรมธรรม์ประกันภัย ใบอนุญาตประกอบกิจการ ใบวางบิล ใบส่งสินค้า ใบเสร็จ ใบเสนอราคา ใบกำกับภาษีเป็นต้น ยังมีเอกหลายอย่างเลยที่สำคัญแต่ละองค์กรควรพิจารณาถึงเอกสารต่าง ๆ ให้ดี ว่าควรนำมาอยู่ในประเภทนี้ไหม ถ้าใช่ก็เอามาและนำไปสู่ขั้นตอนการจัดเก็บเอกสารที่จัดไว้ต่อไป
    2. เอกสารที่ไม่ต้องจัดเก็บ จะเรียกว่าไม่ใช่เอกสารจำเป็นก็ได้ อย่างเอกสารที่หมดอายุแล้ว เอกสารที่ไม่ได้บังคับใช้ตามกฎหมายว่าจะต้องเก็บไว้ เช่น เอกสารแจ้งประชุม ใบประกาศ สถิติ ข้อมูลเก่า ๆ สำเนาเอกสารที่ใช้แต่ตัวจริง และอื่น ๆ ให้องค์กรพิจารณาได้เลยหากอยู่ในประเภทที่ไม่จำเป็นก็อย่าจัดเก็บเอกสารให้เปลืองพื้นที่เอาไปลงเครื่องทำลายเอกสารได้เลย หรือจะหากล่องมาเก็บไว้ใช้งานแบบรียูสก็ได้

    เมื่อเราสามารถแยกเอกสารต่าง ๆ ออกได้ว่าสำคัญหรือไม่ จำเป็นต้องเก็บไหมได้ก็จะทำให้เราจัดเก็บเอกสารที่สำคัญจริง ๆ เอาไว้ ไม่ใช่เราจะเก็บทุกสิ่งอย่างเอาไว้ มันก็จะสิ้นเปลืองพื้นที่ไม่น้อยเลยรวมถึงเปลืองเวลาด้วย เอกสารไหนที่สำคัญจริง ๆ ก็อย่าเผลอทิ้งเด็ดขาดมิเช่นนั้นอาจจะส่งผลกระทบเสียหายตามมาภายหลังได้เมื่อต้องเรียกใช้เอกสารนั้นแต่ดันหาไม่เจอ

    เอกสารที่ไม่ใช้แล้วจัดเก็บอย่างไร

    สำหรับเอกสารที่ไม่ได้สำคัญหรือไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเอาเข้าในคลังจัดเก็บเอกสารก็มีหลายวิธีเลยที่จะจัดการ อย่างแรกเลยเอาไปใช้อย่างอื่นรียูสหรือเอาไว้ใช้งานด้านหลังก็ได้ หากกระดาษเอกสารนั้น ๆ ใช้ไปเพียงด้านเดียว หรือถ้าหากเป็นเอกสารความลับบริษัทจะไม่เหมาะแก่การเอามาใช้อย่างอื่น ควรจะนำไปลงที่เครื่องทำลายเอกสารทันที ในทุกหน่วยงานจะต้องเครื่องชนิดนี้เอาไว้ใช้งานด้วย ถ้าจะให้มานั่งทำลายเองก็เสียเวลาเหมือนกัน บริษัทใหญ่ ๆ เอกสารเยอะกว่าจำนวนคนเสียอีก อะไรที่มันสะดวกสบายก็ลงทุนซื้อเข้ามาจะดีกว่า แต่ถ้าเป็นเอกสารทั่วไป ไม่ได้สำคัญ ไม่มีข้อมูลลับ ไม่ต้องกลัวอะไรรั่วไหลก็เอารวม ๆ กัน ชั่งกิโลขายก็ได้เงินมาพอค่ากาแฟอีกด้วยนะ ลองพิจารณาดูว่าเอกสารนั้น ๆ เหมาะที่จะไปอยู่ตรงไหน

    บทสรุป

    ทุกบริษัทจะต้องมีการแยกเอกสารก่อนว่าแบบไหนที่จำเป็น แบบไหนที่เป็นเอกสารที่ไม่จำเป็น จากนั้นค่อยเอาตัวที่จำเป็นเข้าสู่ขั้นตอนการจัดเก็บเอกสารสำคัญ ส่วนวิธีในการจัดเก็บนั้นก็เลือกตามสะดวกของแต่ละบริษัทได้เลย บางที่ยังสะดวกทำเป็นแฟ้มเอกสารอยู่ แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่ก็จะใช้การเก็บแบบอิเล็กทรอนิกส์กันแล้ว แน่นอนว่าเราสามารถทำทั้ง 2 แบบได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บเอกสารในรูปแบบใด สิ่งสำคัญคือจะต้องเก็บให้ดีมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่รวมกันหมด ตอนจะค้นหาเอามาใช้งานจริง ๆ จะได้สะดวก โดยเฉพาะการหาเอกสารในช่วงเวลาเร่งรีบถ้าจัดเก็บไม่ดีส่งผลตอนหาก็ล่าช้าอีกด้วยหรือแย่กว่านั้นคือหาไม่เจอเลย ฉะนั้นแล้วทุกองค์กรอย่าลืมใส่ใจในขั้นตอนการเก็บเอกสารกันด้วย เพื่อบริษัทของคุณเอง📌Station Accout – เรารับจดทะเบียนบริษัทดีที่สุด™

    สำนักงานบัญชีคุณภาพ